
เสนอให้ตั้ง กมธ.เพื่อศึกษาญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ฉบับก่อนรับหลักการด้วยมติเห็นด้วย 432 คน ไม่เห็นด้วย 255 คน งดออกเสียง 28 คน ไม่ลง คะแนน 1 คน
ตั้ง กมธ.จำนวน 45 คน ประกอบด้วย ส.ว. 15 คน ส.ส. 30 คน ปรากฏว่าเพื่อไทยก้าวหน้า-เสรีรวมไทยไม่ส่งคนเข้าร่วม
แต่ก็คงไม่มีปัญหาเพราะสามารถดำเนินการต่อไปได้ให้เวลา 30 วัน
เผอิญอยู่ในห้วงที่สภาปิดประชุมสมัยจะไปเปิดอีกทีก็ 1 พ.ย.63 กมธ.จะศึกษากันอย่างไรก็ว่ากันไป
ครบ 30 วันต้องนำผลการศึกษาเสนอรัฐสภาเพื่อลงมติ “รับ-ไม่รับ” ตามขั้นตอน
ระหว่างที่มีการพิจารณาเรื่องนี้ปรากฏว่าทั้งในสภาและนอกสภาค่อนข้างจะดุเดือด เพราะข้างในก็อภิปรายกันอย่างเผ็ดร้อน
“นอกสภา” มีประตูเดียวที่กดดันคือต้องรับหลักการ
เมื่อผลออกมาอย่างนี้ว่าไปแล้วฝ่ายรัฐบาล-ส.ว.แม้จะยื้อเวลาต่อไปได้ แต่ก็ต้องรับว่ายิ่งจะเป็นตัวเร่งทำให้การเมืองเข้าสู่แดนมิคสัญญีเร็วขึ้น
เพราะฝ่ายค้านและกลุ่มผู้ชุมนุมได้แสดงความไม่พอใจที่รัฐบาลและ ส.ว.ใช้วิธีการ “หักเหลี่ยม” กันซึ่งๆหน้า
ไม่ใช่แค่นั้นพรรคร่วมรัฐบาลอย่างประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยต่างก็ไม่เห็นด้วยกับพลังประชารัฐ
แต่จำเป็นต้องผ่อนคันเร่งไปก่อนโดยประกาศว่าจะลงมติรับหลักการอย่างแน่นอน ครั้งนี้ถือเป็นครั้งสุดท้าย
พูดง่ายๆว่าป่วนกันไปทั้งระบบ
ที่ต่างความเห็นกัน นอกจากฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วยังมีประเด็นที่เห็นแย้งกันอยู่คือจะแก้ไขเป็นรายมาตราหรือทั้งฉบับ
นั่นจึงทำให้รัฐบาลและ ส.ว.ต้องกลับไปคิดและหาทางออกเพื่อว่าจะเอายังไงกันแน่ให้เกิดความชัดเจน
หากปล่อยให้มีการยกเลิก ม.256 และตั้ง ส.ส.ร.ที่แม้ว่าน่าจะเป็นทางออกที่ประนีประนอมกันได้ทั้ง 2 ฝ่าย นั่นหมายความว่า โอกาสที่จะฝ่าข้ามไปถึง “สถาบัน” มีความเป็นไปได้สูง
เป็นไปได้ว่า รัฐบาล และ ส.ว.จะต้องไปคิดและหาทางแก้เกมผ่านทาง กมธ.ด้วยยอมรับหลักการแต่ไม่ให้ก้าวล่วงไปหมวด 1 และหมวด 2
เพื่อเป็นหลักประกันและเงื่อนไขที่จะให้มีการแก้ไข
แน่นอนว่า การชุมนุมใหญ่ที่เกิดขึ้น 2 ครั้งที่ผ่านมานั้น รัฐบาลสามารถควบคุมสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี
ว่ากันว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะ ผอ.ควบคุมสถานการณ์ดูเหมือนจะโชว์ฝีมือได้อย่าง “เข้าตา”
อาจจะมีรางวัลสมนาคุณได้รับมอบหมายภารกิจให้ครบเครื่องกว่าเดิม
แต่ในยกต่อไปที่จะขึ้นเวทีกันอีกครั้ง ตั้งแต่เดือน ต.ค.เป็นต้นไปนั้น จะต้องคิดและวางแผนให้แยบยลมากกว่าที่
ผ่านมา
เนื่องจากต้องเข้าสู่จุดประจัญบาน เพื่อยกระดับการต่อสู้
โดยเฉพาะการสร้างแนวร่วมในภาคประชาชนให้มากขึ้นและทำลายภาพลักษณ์ของกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งมีจุดอ่อนอยู่หลายอย่าง
“คมเฉือนคม”...ด้วยเพลงยุทธ์ในแบบฟันต่อฟัน!!!
“ลิขิต จงสกุล”
"จะต้องเป็น" - Google News
September 27, 2020 at 05:02AM
https://ift.tt/338cGwJ
เกมชิงอำนาจ - ไทยรัฐ
"จะต้องเป็น" - Google News
https://ift.tt/3bIgTZQ
Mesir News Info
Israel News info
Taiwan News Info
Vietnam News and Info
Japan News and Info Update
https://ift.tt/2YEtTvL
Bagikan Berita Ini
0 Response to "เกมชิงอำนาจ - ไทยรัฐ"
Post a Comment